ทำไมกล้องถ่ายรูปเปลี่ยนใช้โหมดถ่ายวิดีโอบันทึกได้นิดเดียวแล้วตัด ทั้งที่พื้นที่เก็บข้อมูลยังเหลือบาน!!! ( Speed class rating )

    หลายคนที่ไม่ใช่ตากล้องมืออาชีพ อาจจะเคยเจอปัญหาเมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดถ่ายวิดีโอทำไม๊ทำไมถ่ายไปได้นิดเดียวแล้วตัดหรือหยุด ทั้งที่พื้นที่เก็บข้อมูลยังเหลืออีกบานสำหรับบันทึกข้อมูล วันนี้มีวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาฝากครับ
     ปัญหาเกิดจาก ผู้ใช้งานปรับโหมดการถ่ายรูปไว้ในโหมดที่ถ่ายด้วยความละเอียดสูง และ SD Card ที่ใช้บันทึกข้อมูลมีอัตราการเขียนที่ไม่สูง
      วิธีการแก้ไขปัญหา เปลี่ยน SD Card ที่มีอัตราการเขียนข้อมูลหรือบันทึกข้อมูลที่มีอัตราสูงขึ้น รายละเอียดดังรูปด้านล่าง

     ความเร็วที่เหมาะสมสำหรับกล้องถ่ายรูปที่ต้องการถ่ายด้วยความละเอียดแบบความคมชัดสูงควรใช้ SD Card ที่มีอัตราขั้นต่ำในการเขียนข้อมูลหรือบันทึกข้อมูล 10 MB/s ขึ้นไปหรือ Class 10 โดยสังเกตุจากสัญลักษณ์ดังรูปด้านบน
     ขอให้สนุกกับการถ่ายวิดีโอครับ สวัสดีครับ

Social Media – A History

       เราย้อนกลับไปดูการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้กันครับ (ปี 1969-2012)

       History of social media.

(ที่มา : socialmediaslant.com)

ใช้ Quick Analysis ใน MS Excel 2013

  

      Quick Analysis เป็นคุณสมบัติใหม่ใน MS Excel 2013 เราลองไปสำรวจตรวจสอบกันครับ

ขั้นตอนการใช้งาน Quick Analysis

1. เลือกข้อมูลที่ต้องการใช้ Quick Analysis
2. คลิกใช้ Quick Analysis บริเวณหัวมุมล่างขวา หรือกดแป้น ctrl + Q และเลือกแท็บตัวเลือกของ Quick Analysisที่ต้องการใช้งานตามต้องการ

ตัวเลือกใช้งานของ Quick Analysis

1. FORMATTING กำหนดรูปแบบข้อมูลเพื่อง่ายต่อการวิเคราะห์ได้แก่
• Data Bars





• Color Scale





• Icon Set





• Greater Than





• Top 10%





• Clear Format สำหรับเครียร์รูปแบบที่กำหนดไว้





สามารกำหนดรวมรูปแบบได้ด้วยครับ





2. CHARTS  กำหนดรูปแบบในลักษณะกราฟในรูปแบบต่างๆ ตามที่กำหนด








3. TOTALS สำหรับกำหนดข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่
• Sum
• Average
• Count
• %Total
• Running
     สามารถกำหนดให้แสดงผลได้ทั้งแนวนอนหรือแนวตั้ง







4. TABLES



5. SPARKLINES

       Quick Analysis เป็นคุณสมบัติใหม่ใน MS Excel 2013 สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลที่น่าใช้อีกเครื่องมือหนึ่งครับ สวัสดีครับ

Windows 10

         ก่อนวันที่ 29 กรฎาคม 2558 (เดือนที่แล้ว) Microsoft เปิดให้จองการอัปเกรดเป็น Windows 10 หลังจากได้จองการอัปเกรดเรียบร้อย ตั้งแต่ 30 กรกฎาคมเป็นต้นไปจะเริ่มมีข้อความแจ้งเตือนเกี่ยวกับพร้อมให้การอัปเกรดเป็น Windows 10 เราไปทดสอบอัปเกรดกันครับ

ขั้นตอนการอัปเกรด Windows 10

1. หลังจากเราตัดสินใจยืนยันจะอัปเกรดแล้วขั้นตอนแรกระบบจะ Download ไฟล์ที่ใช้สำหรับการดำเนินการติดตั้ง (เหมือนกระบวนการ Windows Update)





2. หลัง Download ไฟล์เรียบร้อยระบบจะแจ้งผลการดำเนินการ หากพร้อมดำเนินการต่อเพื่อติดตั้ง Windows 10 ให้คลิกปุ่มคำสั่ง  "OK ,let's continue"





3. คลิกปุ่มคำสั่ง "Start the upgrade now" เพื่อเริ่มดำเนินการอัปเกรดเป็น Windows 10 





4. เมื่อดำเนินการการอัปเกรดเป็น Windows 10 เรียบร้อย หากไม่มีข้อผิดพลาดเราก็จะได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ตามต้องการครับ

มีอะไรใหม่ใน Windows 10
          ในขั้นตอนการอัปเกรด Windows 10 ช่วงก่อนการเริ่มอัปเกรดในข้อ 2 หากเราคลิกเลื่อนดูสไลส์ Microsoft จะแจ้งให้ทราบว่าเมื่อเราอัปเกรดเป็น Windows 10 แล้วเราจะได้ผลลัพธ์อย่างไรบ้างหรือมีอะไรใหม่บ้าง ( รายละเอียดการเปรียบเทียบ Windows 10 กับ Windows 7 และ Windows 8.1 ) ดังรูปด้านล่างครับ

สำรวจ Windows 10
         เราไปสำรวจ Windows 10 ต่อเลยครับหลังจากอัปเกรดเรียบร้อยแล้ว
         Microsoft Edge
         Microsoft Edge เป็นบราวเซอร์ใหม่ที่เริ่มติดตั้งมาพร้อมกับ Windows 10 โดยไมโครซอฟท์บอกไว้ว่า  "Microsoft Edge ช่วยให้คุณเปลี่ยนจากการเรียกดูมาเป็นการทำงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเขียน หรือพิมพ์บันทึกลงไปบนเว็บเพจโดยตรง แล้วแบ่งปันให้คนอื่นๆ อ่านบทความออนไลน์โดยปราศจากสิ่งรบกวน และบันทึกเรื่องที่คุณโปรดปรานเพื่ออ่านได้ในครั้งต่อไป"

         หากยังชอบ IE อยู่ก็สามารถกลับไปใช้ IE ได้เหมือนเดิมครับ โดยคลิกที่เมนูคำสั่ง "Open with Internet Explorer"

         Windows Defender

         Windows Defender เป็นโปรแกรม Anti-virus ที่มาพร้อมกับ Windows 10 (เวอร์ก่อนหน้านั้นก็มีมาให้) ซึ่งหากอัปเกรดแล้วหากระบบปฏิบัติการเดิมก่อนอัปเกรดไม่มีโปรแกรม Anti-virus หรือหากมีแต่หมดอายุ ระบบจะกำหนดให้ Windows Defender เป็นโปรแกรม Anti-virus เริ่มต้นให้ครับ

         Task Manager

         Search

         Update & Security

         Action  Center

         รายละเอีดยเพิ่มติม Windows 10

ขั้นตอนการยกเลิกการอัปเกรด Windows 10 และกลับไปใช้ระบบปฏิบัติการเดิมก่อนอัปเกรด

1. คลิกเข้าไปที่ Update & Security
2. เลือกแท็บ "Recovery"
3. ที่หัวข้อ Go back to Windows 7 คลิกปุ่มคำสั่ง "Get started"





4. เลือกเหตุผลที่ยกเลิกการอัปเกรดและกลับไปใช้ระบบปฏิบัติการเดิมและคลิกปุ่มคำสั่ง "Next" เพื่อดำเนินการต่อไป





5. เมื่อระบบดำเนินการเรียบร้อย หากไม่มีข้อผิดพลาดเราจะกลับมาใช้ระบบการเดิมก่อนการอัปเกรดได้ดังเดิมครับ

         สวัสดีครับ...

แค่ 3 คลิกใส่หัวตารางได้ทุกหน้าใน MS Word ( Repeat Header Rows in Word )

         จากความง่ายครั้งที่แล้วในการใส่หัวตารางใน MS Excel แล้วแสดงหัวตารางในทุกหน้า ทำให้การทำงานง่ายขึ้น เร็วขึ้น ใช่ไหมครับ วันนี้เรามาทำใน MS Word บ้างครับ ง่ายขึ้น เร็วขึ้นไหมไปทดลองทำกันครับ
         In the previous article about the head table in MS Excel, and then display the header on every page. Make work easier, faster, and today we will head table to display all pages in MS Word.

ขั้นตอนก่อนหน้านั้นของหลายๆคน
A step that many people do.
          1. คัดลอกหัวตารางที่ต้องการให้แสดงในทุกๆหน้า
          1.Copy the head table.

          2. นำสิ่งที่คัดลอกไปวางในทุกหน้า
          2. Paste the head table on every page.

          3. จะได้สิ่งที่ต้องการในทุกหน้าที่นำไปวาง หากมีหลายๆหน้าก้วางเยอะหน่อย
          3.The head table will show on every page.

ขั้นตอนใหม่ (ที่แนะนำ)
New Step.
          1. นำเคอร์เซอร์ไปวาง ณ หัวตารางที่ต้องการให้แสดงทุกหน้า (เลือก 1 แถว) หรือหากต้องการมากกว่า 1 แถวให้เลือกจำนวนแถวเพิ่มเติมได้ตามจำนวนแถวที่ต้องการให้แสดงในทุกหน้า
          1.The cursor at the head table to be displayed on each page (one row), or to more than one row, select the row further by the number of rows to be displayed on every page.

          2. เลือกแถบเครื่องมือ "Layout"
          3. คลิก Repeat Header Rows จะได้แถวที่เลือกในข้อ 1 ในทุกหน้าของเอกสาร ง่ายกว่าขั้นตอนเดิมเยอะมากครับ
          2. Select toolbar tab "Layout"
          3. Click "Repeat Header Rows"

         ง่ายขึ้น เร็วขึ้นไหม ทดลองทำดูครับ สวัสดีครับ...
         Take  new steps... , good luck.

10 เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนมาติดตั้งกล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera

          10 เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนจากการติดตั้งใช้งานกล้อง CCTV แบบ Analog มาเป็นกล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera เพื่อความเชื่อถือให้กับระบบความปลอดภัย ลดค่าใช้จ่ายและสร้างมูลค่าให้ธุรกิจ ดังนี้
         1. กล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera มีความละเอียดสูง (High resolution) มีความละเอียด 1.3 MP ,2 MP ,3 MP และ 5 MP เป็นต้น (ความละเอียดภาพกล้อง CCTV)
         2. กล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera ง่ายต่อการติดตั้ง (Easy to install) สามารถเข้ากับระบบเครือข่าย(LAN)เดิมที่มีได้เลย ลงทุนเพิ่มเติมไม่มาก หรือหากทำระบบใหม่ หากออกแบบเดินสายสัณญาณแบบ Power over Ethernet (PoE) ก็ไม่ต้องเดินสายไฟ
         3. กล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera เป็นดิจิตอลจริงๆ ( Truly digital ) ทำให้ไม่มีปัญหาคุณภาพสัญญาณภาพลดลงเมื่อต้องเดินสายระยะทางไกลๆ หรือเมื่อแปลงสัญญาณภาพ กล้อง 1 ตัวสามารถกระจายสัญญาณภาพไปแสดงได้หลายจอหรือบันทึกข้อมูลลงเครื่องบันทึกได้หลายเครื่อง
         4. กล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera เป็นกล้องที่เฉลียวฉลาด (Camera intelligence) มีฟังก์ชันการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากมายที่จะทำให้ระบบความปลอดภัยมีความน่าเชื่อถือ
         5. กล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera เป็นระบบที่สมบูรณ์แบบ (Fully integrated) กล้อง IP ได้รวมไฟฟ้า (Power Supply) สัญญาณภาพ เสียง การควบคุม PTZ และI/O ไว้ในสายเส้นเดียว ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ระบบการทำงานครบถ้วนมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากเป็นกล้องแบบ Analog ต้องเดินสายต่างๆ แยกกัน ทำให้เพิ่มค่าใช้จ่ายและไม่ยืดหยุ่น
         6. กล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera มีระบบความปลอดภัยสูง (Built-in security) กล้อง IP มีการเข้ารหัสของสัญญาณภาพ สามารถกำหนดการเข้าถึงได้หลายระดับ ซึ่งสามารถกำหนดสิทธิอันพึงมีให้สามารถมองเห็นหรือจัดการอะไรในระบบได้บ้าง หากเป็นกล้องแบบ Analog นั้นขาดการเข้ารหัสหรือการตรวจสอบการเข้าถึงสัญญาณภาพ ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึง เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงหรือลบสัญญาณภาพ
         7. กล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera ให้ภาพการเคลื่อนไหวที่ชัดใส (Crystal-clear motion) กล้องแบบ IP จะไม่พบปัญหาภาพเบลอหากจับภาพที่วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่เนื่องจากใช้การสแกนภาพแบบ Progressive
         8. กล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera ง่ายต่อการเพิ่มขยายระบบ (Easy to scale)
         9.กล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera  ต้นทุนโดยรวมทั้งหมดต่ำ (Lower total cost) แม้กล้อง Analog จะมีราคาอุปกรณ์ที่ถูกกว่า แต่เมื่อคิดองค์ประกอบทั้งหมดทั้งการซ่อมบำรุงรักษา การติดตั้ง ประสิทธิภาพที่ได้รับ การต่อขยายระบบ และองค์ประกอบอื่นๆ ต้นทุนโดยรวมขงอกล้อง IP จะถูกกว่ากล้องแบบ Analog
         10.กล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera  รองรับสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น (New possibilities)

ตัวอย่างภาพจากกล้อง CCTV แบบ IP/Network Camera

สวัสดีครับ...

(ที่มา : www.axis.com )